รีวิว ASUS TUF Dash F15 พบกับอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับเหล่าสายเกมมิ่ง ที่ในยุคการ์ดจอขาดตลาด

รีวิว ASUS TUF Dash F15 พบกับโน็ตบุ๊คสเปคเกมมิ่งสุดคุ้มที่ในตอนนี้เป็นยุคช่วง การ์ดจอ RTX 3070 หายากและหาต้องการ โน็ตบุ๊คเล่นเกมดีๆสักเครื่องหนึ่งที่มาพร้อมกับ สเปครองรับภาพเกมสวยๆเล่นเริ่มต้นแบบง่ายๆโดยไม่ต้องตามหา หรือสั่งพรีออเดอร์การ์ดจออีกต่อไป เพราะตัวนี้คือเครื่องที่ สามารถมาทดแทนได้เป็นอย่างดี กับโน็ตบุ๊ค ASUS TUF DASH F15

รีวิว ASUS TUF Dash F15 ในยุคที่การ์ดจอขาดตลาดแบบนี้แต่เหล่าคอเกมสายเกมภาพสวยนั้นก็อาจจะต้องลำบากกับการตามหาซื้อ การ์ดจอกันแบบจ้าระหวั่น เพราะเกินการขาดแคลนจากพวกชิปเซ็ต ที่เหล่าบริษัทการ์ดจอนั้นผลิตไม่ทันและทำให้ราคาของการ์ดจอนั้น พุ่งขึ้นเป็นมหาศาลจน เหล่าเกมเมอร์บางท่านพอเห็นราคา ของตัวการ์ดจอแล้วนั้น กลายเป็นลมแทบจับกับเหล่าราคาที่ดีดสูง จนต้องยอมปลงใจ แต่วันนี้ทางเรานั้น มีอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเหล่า เกมเมอร์ที่กำลังมองหา โน็ตบุ๊คที่พกพาสะดวก แถมเล่นเกมภาพรายละเอียดแบบชัดๆ และไม่ต้องรอหาซื้อการ์ดจอให้วุ่นวายต้องลองดู

เตรียมพบกับโน็ตบุ๊ครุ่น ASUS TUF Dash F15 ที่จะทำให้คุณนั้น ต้องมนต์สะกดทั้งรูปร่างโฉบเฉี่ยวโดนใจเหล่าเกมเมอร์ และสเปคที่บอกเลยว่าอัดแน่นเต็มสูบแบบไม่มีกั๊ก สำหรับเหล่าเกมเมอร์ หรือคนที่กำลังมองหา การ์ดจอ RTX 3070 อยู่นั้น ต้องบอกเลยว่า นี่คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ เหมาะสำหรับเหล่าเกมเมอร์ หรือคนที่ต้องการ โน็ตบุ๊คดีๆสักเครื่องที่สามารถ ทั้งทำงานแบบครงวงจรและเล่นเกมสเปคหนักๆได้ไปในตัว

รีวิว ASUS TUF Dash F15 สเปคของตัวเครื่อง ASUS TUF Dash F15

CPU : Intel Core i7-11370H, 3.3 GHz (up to 4.8 GHz)
GPU : Nvidia Geforce RTX 3070 GDDR6 8 GB
RAM : 16 GB DDR4
Storage : 512 GB M.2 NVMe PCIe 3.0 SSD
Display : 15.6 นิ้ว Full HD
Refresh Rate : 144 Hz
รองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.1
มาพร้อม Windows 10 Home
น้ำหนัก : 2.0 กก. (ไม่รวม Adapter)

รีวิว ASUS TUF Dash F15

ไม่ใช่แค่เครื่องที่แรง แต่ยังมีน้ำหนักเบา และประหยัดพลังงาน ใช้งานและเล่นเกมได้นานกว่า

หากว่ากันตามประสา คนที่ไม่ค่อยประกอบคอมใช้งานบ่อยๆ หรือเป็นแนวที่ชื่นชอบอัพเกรด สเปคของคอมตั้งโต๊ะสักเท่าไร จากที่ดูเหล่าสเปคต่างๆของ ASUS TUF Dash F15 นั้นบอกเลยว่าจัดเต็มมากคุ้มราคา อัดแน่นไปด้วยสเปคที่แรง สามารถทั้งทำงานและเล่นเกมภาพกราฟิก ที่ปรับรายละเอียดแบบสูงๆ ได้อย่างสบายๆ ให้มาคุ้มมากหากเทียบในวงการเกมมิ่งในปัจจุบัน

โดนเด่นด้วย CPU ที่จัดเต็มด้วย  Intel Core I7 Gen11 ที่เป็๋นซีพียูตัวล่าสุด ในตระกูล H ที่บอกได้เลยว่า ประหยัดพลังงานแบบสุดๆ แม้จะใช้งานหนัก เพราะมีประสิทธิภาพสูง พร้อมกับการจัดการพลังงานที่ดีเยี่ยม ส่งผลทำให้แบตเตอรี่ของตัวโน็ตบุ๊คเครื่องนี้นั้น ใช้งานได้ยาวนานถึง 16.6 ชั่วโมงเลยทีเดียว หากเทียบกับโน็คบุ๊คสเปคเกมมิ่ง แบบนี้แล้วถือว่าถึกทนอึดอย่างมาก แถมนอกจากนี้น้ำหนักเครื่องยังเบามากแค่ 2 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้เหล่าผู้ใช้โน็ตบุ๊ค ต่างสลัดภาพ ที่ว่าเหล่าโน็ตบุ๊คที่สเปคแรง จะมีน้ำหนักที่มากนั่นเอง เข้าคอนเซ็ปต์ที่ว่า แรงและพกพาง่าย อีกด้วย

ดีไซน์การออกแบบของเครื่อง ASUS TUF Dash F15

รีวิว ASUS TUF Dash F15

มาพร้อมกับ สีเทาโค็ดเนมว่า Esclipse Gray ที่มีลาย คำว่า TUF ประดับอยู่ตราฝาเครื่อง เพื่อเป็นการบ่งบอกถึง รุ่นนี้อย่างเด่นชัดนั่นเอง แต่ทำแบบไม่เตะสายตาจนเกินงาม ดูเป็นการาสกรีนชื่อรุ่น อย่างระเบียบเรียบร้อยดูหรูหราไปในตัว

ความน่าสนใจอีกประการ ก็คือขนาดที่บางเพียงแค่ 1.99 เซนติเมตรเท่านั้นเอง เช่นเดียวกับหน้าจอที่ก็มาในดีไซน์ขอบบาง ชวนให้สัมผัสประสบการณ์บันเทิงแบบไร้กรอบจำกัด แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งชื่อชั้นของ “TUF” ที่มีความแข็งแรงเป็นเลิศอยู่เช่นเคย รวมมือถือราคาไม่เกินหมื่น

โดยรุ่นนี้ก็ผ่านการทดสอบ MIL-STD-810H ซึ่งเป็นมาตรฐานอันเข้มงวดของกองทัพ ทำให้มั่นใจว่ามันจะทนต่อการกระทบกระแทกในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะพกพาไปที่ไหนก็หายห่วง ทั้งการตก, ความชื้น หรือเมื่อต้องเจอกับอุณหภูมิที่สุดขั้วก็ตาม

หวดได้ทุกเกมในตลาด กับสเปคที่อัดแน่นจัดเต็ม

ด้วยขุมพลัง สเปค CPUที่อัดแน่น Intel Core i7 Gen11 พร้อมประกอบมากับ การ์ดจอที่เรียกได้ว่าสุดในรุ่น RTX 3070 แค่สเปคนี้ก็เพียงพอได้แล้วกับ คำว่า หวดได้ทุกเกม

มากกว่าแค่เกมมิ่ง เพราะรวมไว้ครบแล้วทุกไลฟ์สไตล์

ในด้านการเล่นเกมก็ชัดเจนว่า ASUS TUF Dash F15 สอบผ่านฉลุย ด้วยขุมพลังซีพียู Intel 11th Gen ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นมิตรกับวงการเกมมาอย่างยาวนาน และยังสามารถเข้าถึงแรม GDDR6 ของการ์ดจอได้ดีกว่า ทำให้ยิ่งเสริมประสิทธิภาพการถ่ายโอนข้อมูล จนออกมาเป็นประสบการณ์การเล่นบนความละเอียด 1080p (Full HD) ที่ลื่นไหลอย่างไม่มีสะดุด

และเจ้าเครื่องนี้ยังรองรับ การใช้งานในแบบอื่นๆ โดยหากจะเอามาตัดต่อวีดีโอ หรือทำคลิปต่างๆ อย่างพวกมัลติมีเดีย ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่น ด้วยสเปคของเหล่า CPU และการ์ดจอ ที่จัดเต็มแบบขนาดนั้น ซึ่งสำหรับใครที่อยากตัดต่อไปด้วย เชื่อมต่อกับกล้องไปด้วย ตัวเครื่องนี้ก็ยังมีพอร์ต Thunderbolt 4 ให้ได้ใช้กันด้วยความเร็วการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงถึง 40 Gbps, เรียกว่าครบ จบในตัว ตัดงานเสร็จก็พร้อมเรนเดอร์และเตรียมนำไปใช้ได้ทันที

แถมตัว CPU ของเครื่องอย่าง Intel Core i7 Gen11 นั้นก็แรงเพียงพอให้ สำหรับเหล่านักแคสเกม หรือสตรีมเมอร์ สามารถทำการ สตรีมมิ่งเกมผ่านเจ้าเครื่องนี้ได้อย่างสบายๆไหลรื่นอีกด้วย และด้วยความอัจฉริยะที่ลบพื้นหลังวิดีโอด้วยตัวเอง และยังสามารถปรับความคมชัดของวิดีโอได้ถึง ระดับ Ultra 4K อีกตังหากและเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi 6 อันเป็นเทคโนโลยีล่าสุดในยุคปัจจุบัน ซึ่งรองรับความเร็วได้ถึง 9.6 Gbps มังงะ

ปิดท้ายด้วย ความอึดถึกทน ของการใช้งานแบตเตอรี่ และการประหยัดพลังงาน สามารถเอาออกไปทำงาน หรือเล่นเกมนอกถานที่ได้อย่างหายห่วง ทำงานต่อเนื่องด้วย 16.6 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณนั้นจะ  จะใช้พิมพ์เอกสาร, เล่นโซเชียล หรือเทรดเหรียญคริปโตฯ ก็รับรองว่าไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญแน่นอน